จุดประสงค์ ให้ผู้เรียนสามารถ
1. ใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่อยู่รอบตัว
2. ค้นหา และรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลบนเว็บไซต์เพื่อแก้ปัญหา
3 สื่อสารและนำเสนอข้อมูลผลลัพธ์ในรูปแบบของตนเอง
สาระสำคัญ
ยุคของข้อมูลและสารสนเทศ เป็นยุคของการใช้ข้อมูล ที่มีอยู่จำนวนมหาศาล มาสร้างมูลค่าให้เกิด
ประโยชน์กับบุคคล หรือองค์กร การจะใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน หรือการใช้
ชีวิตของตนเอง จะต้องนำข้อมูลที่เก็บรวบรวมด้วยตนเอง หรืออาจนำข้อมูลทุติยภูมิที่มีผู้รวบรวมหรือสรุป
ไว้แล้ว มาผ่านกระบวนการประมวลผลข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ นอกจากนี้การนำเสนอข้อมูลด้วยภาพ และ
เรื่องราวบนพื้นฐานของข้อมูล จะทำให้ผู้อื่นเข้าใจ เห็นความสำคัญและคุณค่าของข้อมูล
https://www.youtube.com/watch?v=0MtGCGCrkDQ&t=287s
https://www.youtube.com/watch?v=0MtGCGCrkDQ&list=PLLocx54-JuI7N5mQvqKpxzy0B-IxcBpi-
แนวทางการจัดการเรียนรู้
8.1 การจัดเตรียม
8.1.1 ใบกิจกรรมที่ 1.1 ใคร ๆ ก็สามารถใช้ข้อมูลได้ ตามจำนวนกลุ่ม
8.1.2 แบบประเมินการเรียนรู้ของตนเอง ตามจำนวนผู้เรียน
8.2 ขั้นตอนการดำเนินการ
8.2.1 ผู้สอนนำเข้าสู่บทเรียนโดยให้ผู้เรียนพิจารณาภาพจากคำถามชวนคิด “รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือน” ในหนังสือเรียน แล้วถามผู้เรียนว่า“นักเรียนดูภาพนี้แล้ว สามารถอธิบายสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยได้อย่างไรบ้างและหากเป็นผู้บริหารประเทศจะวางนโยบายในการพัฒนาประเทศอย่างไร”และชี้ให้นักเรียนเห็นประโยชน์ของผลลัพธ์ข้อมูล (data product)
8.2.2 ผู้เรียนศึกษาหัวข้อที่ 1.1 ยุคของข้อมูลและสารสนเทศ ในหนังสือเรียนแล้วผู้สอนตั้งคำถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจ เช่น
- เหตุใดข้อมูลจึงมีค่าดั่งน้ำมันดิบ
- การที่เราแชร์ข้อมูลของตนเอง เช่น ภาพส่วนตัว อีเมล การโพสต์ข้อความ จะมีผู้นำข้อมูลของเราไปใช้ประโยชน์ต่ออย่างไรได้บ้าง
8.2.3 แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน ผู้เรียนแต่ละกลุ่มทำ ใบกิจกรรมที่ 1.1 ใคร ๆ ก็สามารถใช้ข้อมูลได้
8.2.4 ผู้สอนให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอโปรแกรมรักสุขภาพ และผู้เรียนร่วมกันโหวต
ว่ากลุ่มใดเล่าเรื่องราวได้น่าสนใจ น่าเชื่อถือ และเข้าใจได้ง่าย
8.2.5 ผู้สอนให้ผู้เรียนช่วยกันยกตัวอย่างเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการใช้ข้อมูลเพื่อเพิ่ม
ประสิทธิภาพในการทำงาน หรือการใช้ชีวิตประจำวัน
8.2.6 ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปความรู้จากการทำกิจกรรม และการใช้ประโยชน์จากข้อมูล
และประเมินตนเองโดยใช้แบบประเมินการเรียนรู้ของตนเอง
สื่อและแหล่งข้อมูล
1. http://www.dms.moph.go.th/dmsweb/cpgcorner/heartex.pdf
2. http://oorrunningblog.blogspot.com/2014/09/how-long-should-i-run-10k.html
3. http://www.lokehoon.com/app.php?q_id=calculate_bmr_tdee
ใบกิจกรรมที่ 1 ใครๆ ก็สามารถใช้ข้อมูลได้
https://forms.gle/ZdZbNq39yAb3wMWB8
1 ชื่อ-สกุล ________________________________________________________ เลขที่ ________
2 ชื่อ-สกุล ________________________________________________________ เลขที่ ________
3 ชื่อ-สกุล ________________________________________________________ เลขที่ ________
4 ชื่อ-สกุล ________________________________________________________ เลขที่ ________
อ่านสถานการณ์ที่เกี่ยวกับการใช้ข้อมูลต่อไปนี้ และตอบคำถาม
“จาวามีปัญหาเรื่องความอ้วน และต้องการลดน้ำหนักโดยการวิ่งรอบสนามโรงเรียนทุกวัน แต่ปรากฏว่าน้ำหนักยังเท่าเดิม”
จาวาจึงค้นหาข้อมูล และพบข้อมูลดังกราฟ ซึ่งเป็นผลจากการศึกษาวิจัย และวิเคราะห์ข้อมูลทุติยภูมิ
ที่มีผู้จัดเก็บรวบรวมไว้ โดยพบว่าการวิ่งที่ให้ประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพนั้น จะต้องวิ่งจนทำให้อัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate) อยู่ระหว่าง 70 - 80% ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด (Maximum Heart Rate) และต้องวิ่งติดต่อกันอย่างน้อย 30 นาที
1. ข้อมูลอะไรบ้าง จากสถานการณ์ข้างต้น ที่จะช่วยให้จาวาพัฒนาการวิ่งของตนเองได้
__________________________________________________________________________________________________________________________________________________
2. ถ้านักเรียนต้องการลดน้ำหนัก และใช้ข้อมูลจากกราฟข้างต้น ควรจะวิ่งให้ได้อัตราการเต้นของหัวใจเป็น______ ครั้ง/นาที จึงจะเท่ากับ 70% ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด
3. ให้นักเรียนทดสอบด้วยการวิ่งจริง หรือหาข้อมูลเพิ่มเติมว่าการวิ่งด้วยความเร็วระดับใดหรือลักษณะใด จึงจะทำให้อัตราการเต้นของหัวใจ อยู่ระหว่าง 70-80% ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด แล้วบันทึกข้อมูลลงในตารางต่อไปนี้
อัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด (MHR) ลักษณะการวิ่ง
50% ของ MHR = ครั้ง/นาที
60% ของ MHR = ครั้ง/นาที
70% ของ MHR = ครั้ง/นาที
80% ของ MHR = ครั้ง/นาที
90% ของ MHR = ครั้ง/นาที
100% ของ MHR = ครั้ง/นาที
หมายเหตุ การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ นักเรียนอาจใช้สายรัดข้อมือสุขภาพ (fitness tracker) หรือหากไม่มีสายรัดข้อมือสุขภาพ ให้จับชีพจรที่ข้อมือหรือใต้กกหูเป็นเวลา 6 วินาที นับจำนวนครั้งของการเต้นของชีพจร แล้วนำมาคูณกับ 10 จะได้อัตราการเต้นของหัวใจ
4. แต่ละกลุ่มเลือกสมาชิกมา 1 คน จากนั้นสอบถามความต้องการของเพื่อนคนนั้นว่า ต้องการลดน้ำหนักหรือปรับปรุงตนเองให้มีสุขภาพดีขึ้นจากการวิ่ง แล้วจัดโปรแกรมรักสุขภาพโดยแนะนำวิธีการออกกำลัง
กายด้วยการวิ่ง และการรับประทานอาหารให้เพื่อนคนดังกล่าว โดยโปรแกรมแนะนำการออกกำลังกาย
จะประกอบด้วย
- โซนการออกกำลังที่เหมาะสม และข้อมูลการเผาผลาญแคลอรี ไขมัน คาร์โบไฮเดรท หรือโปรตีน
วิ่งด้วยอัตราการเต้นหัวใจ ______ครั้ง/นาที
โดยวิ่งในลักษณะ เป็นเวลา ______ นาที
เผาผลาญได้ แคลอรี ______/นาที
ใช้ไขมัน ______ %
ใช้คาร์โบไฮเดรท ______ %
ใช้โปรตีน ______ %
- อาหารที่ควรรับประทานใน 1 วัน (3 มื้อ) โดยระบุองค์ประกอบของสารอาหารแต่ละชนิด เช่น
ไขมัน คาร์โบไฮเดรท หรือโปรตีน ว่ามีกี่เปอร์เซ็นต์
อาหารมื้อเช้า : _______________________________________________________________
องค์ประกอบของสารอาหาร : _____________________________________________________
อาหารมื้อกลางวัน : ____________________________________________________________
องค์ประกอบของสารอาหาร : _____________________________________________________
อาหารมื้อเย็น : ________________________________________________________________
องค์ประกอบของสารอาหาร : ______________________________________________________
5. นำเสนอโปรแกรมรักสุขภาพที่จัดทำให้เพื่อนในกลุ่ม โดยใช้ข้อมูลในข้อ 1-3 และออกแบบการนำเสนอในรูปแบบที่เข้าใจได้ง่าย
โปรแกรมรักสุขภาพ